วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ถ ถ ถะ ถ่ะถั่วดิบนะคร้าบ/ Posioned Lectin in raw beans

ประเด็นชวนฉงนจนลุกลามกลายเป็น ปุจฉาเกี่ยวกับเรื่องถั่ว ณ ที่นี้

ไทยเราเรียก Nut และ Bean ว่า "ถั่ว" เหมือนกัน จนผู้เขียนเองก็พลอยงงหลงประเด็นไป

จนต้องไปหานิยามความแตกต่างของคู่เหมือนพ้องชื่อและเสียง

ไปเคาะบ้านเรียกพี่กู ให้ไปตรวจสอบหาคำตอบให้หายสงสัยที

ความแตกต่างของสองถั่ว นัท และ บีน มีคำอธิบายเอาไว้ว่า

นัท Nut ถูกจัดให้เป็น "ผลไม้" คือผลผลิตจากพืชที่ออกดอกผล จนเมื่อสุก Mature จะกลายเป็นเปลือกแข็งทั้งข้างนอกและข้างในเมล็ด ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน คือ อัลม่อน วอลนัท



ต้นไม้ออกลูกเป็นถั่วนัท
















กลับกัน บีน Bean ถูกระบุกลุ่มให้อยู่ในจำพวก เมล็ดพืช Seed คือ จะมีส่วนของ Ovary wall หรือผนังรังไข่ หรือ ผิวของคาร์เพล ห่อหุ้มตัวเมล็ดที่จะงอกเอาไว้ภายใน โตมาเป็นฝัก เป็นฟวง





วิชาการระดับเป้บทีน
ขออธิบายแบบชาวบ้าน คือ นัท มันแข็งและเป็นผลไม้มีเมล็ดเดี่ยวหรือสอง ส่วน บีน มันคือเมล็ดจากฝัก ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว








พายเรือออกอ่าวตังเกี๋ยไปซะไกล ขอตีโ้ค้งกลับเข้าพระนคร

มาอธิบายกันเรื่องประเด็นของ บีน เพียงอย่างเดียว เพราะ กรณีของ นัท ได้อธิบายไปแล้วในบทของอาหาร


มีหลายผู้เลี้ยงสงสัยอย่างมาก เกี่ยวกับการห้ามเลี้ยงบุตรด้วย ถั่วดิบ ขอแก้อสงขัย เอาไว้ที่ตรงนี้เลยนะครับ  ถั่วดิบในความหมายที่ห้ามคือ  BEAN

สาเหตุมาจาก ในถั่วบีนดิบนั้น มันแฝงความอันตรายเอาไว้ ถึงขนาดอย่าว่าแต่หนูจิ๋วๆ เลย คนกินเองก็อาจจะป่วยหนักเอาได้เช่นกัน

ผู้ร้ายในเมล็ดถั่วบีนแบบดิบนี้ คือ Lectin ที่ชื่อย้าวยาวเรียกยากว่า Phytohaemagglutinin อ่ะทุกคนออกเสียงตามนะครับ ไฟโตกหบยแออสงวกดสอวง  อ่ะ ผิดนะครับ ไม่ต้องกระดกลิ้นครับ เอาใหม่

ไฟ-โต-ไฮ-มาก-กลู-ทิน-นิน เรียกยากสะกดยาก เรียกชื่อย่อละกัน PHA จบ

สารตัวนี้อันตรายถึงขนาด ประเทศอเมริกา ออกมาควบคุมวิธีปรุงอาหารจากถั่วกันเลยทีเดียว


อันตรายยังไง?

เลคติน ชื่อยาว PHA ที่ว่านี้ ถ้าคนกินเข้าไป ไม่ต้องมาก โยนถั่วดิบใส่ปากไปสักสี่เมล็ด ได้เรื่อง ทันที จะเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง Abdominal pain และร่างกายจะเกิดภาวะการขาดน้ำฉับพลัน Diarrhea เพราะมันมีคุณสมบัติทำให้เลือดจับตัวกันและตกตะกอน นี่กรณีเกิดกับคนนะครับ

น้ำหนักคนต่อถั่วสี่เมล็ด  นำไปเทียบกับหนูดูครับ ถ้าเขากินเข้าไปนี่ไม่ต้องพูดถึง แฮมส์แลนด์กวักมือเรียกหยอยๆแล้ว

แต่ไอ้สาร PHA ตัวนี้ ที่พบในระดับสูงมากจนอันตราย แค่ในถั่วบีน บางชนิดเท่านั้น
บ้านเรา ไม่ต้องหันไปหาที่ไหนไกล ตักกินอยู่ในเฉาก๊วยอยู่บ่อยๆ น้ำแข็งไสก็มีมาให้จ้ะเอ๋กัน

ใช่แล้วครับ ถ ถ ถ ถ ถ ถ ถะ ถั่วแดงต้วมนะค้าบ



กล้าเล่น.....








ถั่วแดง Kidney Bean มีเลคตินชนิดนี้อยู่ในปริมาณสูงมาก แต่เมื่อนำมาต้มแล้วสารมีพิษตัวนี้จะสลายไป นำมารับทานได้ตามปกติแถมอร่อยด้วย แต่อย่าเสี่ยงภัยให้แฮมส์ของท่านทดสอบเลยนะครับ
 


ถั่วบีน ชนิดอื่นๆ ที่พบในอาหารแฮมส์เตอร์นั้น ปลอดภัยกว่ามากครับ

ถั่วเขียว Mung bean นั้นพิเศษกว่าชาวบ้าน ถึงขนาดฝรั่งเขาทดลองเรื่องสาร PHA โดยนำไปทดสอบให้กระต่ายและคนกินถั่วเขียวดิบสกัด แต่พบว่าเอนไซม์ในร่างกายทำปฏิกิริยาทำให้ PHA สลายไปเองโดยไม่เกิดผลเสียอะไรต่อร่างกาย 

 เพราะงั้นเจอถั่วเขียวในถุงอาหาร ไม่ต้องหยิบออกกันแล้วนะครับ
 


ก็ไขข้อสงสัยเรื่องถั่วเขียวในถุงอาหารบางยี่ห้อกันแล้วนะครับว่าใส่มาทำไม กว่าจะรู้หยิบออกจนเหนื่อย....


ในบทถัดไป แต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ จะมาแนะนำอาหารสูตรผสมเองหลายเวอร์ชั่น โดยกูรูชาวหนูหลายท่านมาให้เสียทรัพย์กันอีกแล้ว



Source
  • https://en.wikipedia.org/wiki/Phytohaemagglutinin 
  • http://www.wikihow.com/Avoid-Food-Poisoning-from-Undercooked-Beans
  • http://www.fda.gov/Food/FoodborneIllnessContaminants/CausesOfIllnessBadBugBook/ucm071092.htm
  • https://en.wikipedia.org/wiki/Lectin
  • http://www.jbc.org/content/253/21/7791.short#ref-list-1
  • http://www.differencebetween.net/object/comparisons-of-food-items/difference-between-nuts-and-beans/









วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พี่คะหนูกินซิซเลอร์ได้มั้ยคะ? ตอนจบ ว่าด้วยโปรตีน อาหารคน ฯลฯ / Hamster Fact for Food and Nutritions Pt.3 -High protien diet, Stomach upset and Human snacks

มาถึงตอนสุดท้ายของบทความเรื่องของกินกันแล้ว ก่อนหน้านี้คุยกันถึงอาหารที่ควรจะเป็นของกินสำหรับหนู กินได้ ไม่ได้ มีหลายรายการ แต่สังเกตว่า

พี่แอนท์ซีเรียน จะค่อนข้างล่ำบึ้กและกินได้แทบจะทุกรายการ ซึ่งสวนทางกันกับ แฮมแคระตัวน้อยวินเทอร์ไวท์ หรือแคมบ์เบลคนดุ ที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ มีกินไม่ได้ กินแล้วอันตรายอยู่หลายตัว

มาในบทสุดท้ายนี้ คือหัวข้อน่าสนใจอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่เขียนถึงแยกออกมาคงไม่ดี เพราะโดยหลักแล้ว มักจะเกิดคำถามเหล่านี้ ขึ้นกับตัวผู้เลี้ยงมือใหม่หัดโดนงับนิ้ว อยู่แทบจะทุกวันที่่เป็นประโยคทองพบเห็นได้ตามเว็บแฮมส์และหน้าเพจหนู ที่ว่า

พี่คะ/ครับ หนูกิน _______จงเติมคำในช่องว่าง ได้หรือเปล่าคะ/ครับ???

คำถามเหล่านี้ดาบสองคม สำหรับคนถามและผู้มาตอบ
เพราะหากไม่ได้อ่านหรือศึกษาเืรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังแล้ว การแนะนำอะไรออกไปแล้วสุดท้ายมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็เหมือนยื่นยาพิษให้ผู้เลี้ยงคนอื่นอย่างไม่ตั้งใจ

เรามาทำความเข้าใจกันใหม่กับเรื่องอาหารของเขา จะช้าไปบ้างแต่ก็ยังไม่สาย การไม่รู้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่รู้และแสร้งว่ารู้ นั้นแปลกและอันตราย

อ้าาาาาาาาโชว์ฟันเหลือง







อาหารที่ควรแยกให้และจำกัดปริมาณที่ให้อย่างเข้มงวด!

โปรดทราบ รายการอาหารด้านล่างนี้จำเป็นต้องควบคุมปริมาณและความถี่ในการให้บุตรหลานรับประทาน อันเนื่องมาจาก
  • มีอัตราส่วนของน้ำเป็นส่วนประกอบในอาหารชนิดนั้นสูงปริ้ด หมายความว่า ในชิ้นอาหารนั้น มีส่วนที่เป็นน้ำเกินครึ่ง ฉ่ำน้ำซึ่งไม่เหมาะกับสัตว์ทะเลทราย อย่างมาก เขากินอะไรแห้งๆ แต่มาเจอของชุ่มน้ำ ปุบปับ ท้องไส้มันรับไม่ไหว คล้ายคนไม่เคยกินส้มตำปลาร้า แล้วสั่ง ตำซั่วปูปลาหอยดอง มาสักครก รับรอง อาการเดียวกัน
  • ตัวอาหารมีคุณสมบัติ เหนียวหนืด หรือข้น เนื่องจากคุณหนูของเรา มีฟันที่ไม่เหมาะกับการเคี้ยวของลักษณะนี้ 
  • อาหารที่สุ่มเสี่ยงกับการทำให้ปวดท้อง เช่น กินเ้ข้าไปแล้วย่อยไม่ได้


จากตารางด้านบนนี้

หญ้าอัลฟาฟ่า Alfalfa Hay  ให้กินได้ 1-2 เส้น ต่ออาทิตย์ เนื่องจากมีสารอาหารบางอย่างอยู่ในระดับสูงเกินความต้องการ กินมาก แคลเซี่ยมมาก นิ่วถามหา








กะหล่ำปลี Cabbage ควรให้กินเป็นลำดับสุดท้ายของอาหารที่มีในบ้าน เนื่องจากปริมาณน้ำที่สูงมาก

ซาราลี่ Celery แท่งๆเหลี่ยมๆ ในซิซเลอร์ รสเหมือน คื่นช่าย ก็น้านนนนนานจะให้ที หรือให้กินแทนการกินน้ำ As a water source บางครั้ง

แตงกวา Cucumber คุณสมบัติเดียวกันกับด้านบน

เนยถั่ว Peanut butter ปาด Smear นิดเดียวให้กินแบบน้านนนานครั้ง












ผักกาดหอม Romaine lettuce ชื่อดูหรูหรา แต่กินไม่้ได้อยู่ดี คุณสมบัติเดียวกันกับ กะหล่ำ












สุดท้ายสุดโหด  แตงโม Watermelon  วินเทอร์ไวท์ แคมบ์เบล์ ย้ำชัดๆ ห้ามกิน



อาหารที่มีโปรตีนซู้งสูง

ปริมาณการให้นั้น สำหรับหนึ่งรายการเท่านั้น กรณีให้ปนกันหลายอย่าง ก็ต้องลดปริมาณรวมให้เท่ากับการให้หนึ่งส่วนปกติ เช่น ไก่  1 ชิ้นเล็กจิ๋ว แต่อยากให้กินเนื้อด้วย ไม่ใช่อย่างละชิ้น ต้องเป็นครึ่งชิ้นไก่กับเนื้อ

เนื้อสัตว์ที่นำมาให้รับประทานกันนั้น ต้องนำไปต้ม หรือ อบให้สุก และไม่ต้องเติมรสดี ลงไป เพราะหนูไม่อยากกินนะครับ คือห้ามปรุง กินจืดๆ แบบนั้นเลย และ ไม่ควรให้ของทอด หรือ ของดิบ

แม่หนูเและบุตรหลาน สามารถอัดโปรตีนให้ได้มากกว่ารายการที่ระบุไว้ นิดหน่อยครับ

























เนื้อวัว Beef  กินได้หนึ่งชิ้นเล็ก ให้ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

เนื้อไก่ Chicken เหมือนเนื้อวัว ถ้าถือศีลไม่กินสัตว์ใหญ่ให้กินไก่ได้แทน ปลาวาฬห้ามกิน

จิ้งหรีด Cricket วงเล็บ Pet shop คือไปซื้อมา ไม่ใช่ไปจับมา จะเจอแต่แมลงสาบ หรือ จะไปโดนยามาก็ไม่รู้  สัปดาห์ละ 1-2 ตัว

ขนมบิสกิตของหมา Dog biscuits ทำไมต้องของหมา? แมวได้มั้ย ตอบ ไม่ได้ อาหารแมวมีเกลือสูงกว่า เพราะแมวชอบกินเค็ม สังเกตหมาเองยังกินอาหารแมวไม่ได้ หนูก็เช่นกันนะจ้ะ นิ่วจะถามหา แบบไม่มีส่วนผสมของกระเทียมหรือหัวหอม ให้กินขนาดเหรียญสลึง 1-2 ชิ้น ต่อสัปดาห์

ไข่ขาว Egg Whiteจะกินได้เยอะหน่อย คือ 1/4 ของไข่ 1 ใบ เลย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

ไข่แดง Egg Yolk อันนี้ไข่เหมือนกันแต่กินได้น้อยกว่ามาก คือชิ้นจิ๋วปลายนิ้วก้อย เดือนละ 1-2 ครั้ง ย้ำ รายเดือนนะครับ รายเดือน

ตั้กแตน Grasshopper อันนี้หายากเกิน ประมาณ ปาทังก้า เสร็จคนฉีดซอสทอดกินไปหมดไม่ทันได้เหลือถึงหนู แต่เห็นมีของยี่ห้อ  Jolly เป็นแบบตัวเล็กอบแห้งมาให้เสียตังค์ซื้ออยู่












อันนี้ขอกินเอง








เลนทิล ถั่วเมล็ดแบนมีหลายสี Lentil ไม่เคยเห็นบ่อย แต่จะเจอในอาหารผสมบางยี่ห้อ เช่น extra vital ให้ 2-3 เมล็ดต่อสัปดาห์









หนอนนก หนอนอบแห้ง Mealworms ทั้งสดทั้งอบแห้ง ให้ไปเลย 1-3 ตัว ต่อสัปดาห์ แต่เขาชอบ ส่วนใหญ่ก็ซัดแหลกยิ่งกว่านี้


อันนี้นอกรายการ แต่อยากนำเสนอ คือ หนอนแวกซ์ หรือหนอนน้ำผึ้ง Waxworms ที่เอาไว้เลี้ยงชูก้าร์ อาหารระดับยาเสพย์ติดสำหรับชูการ์และหนูเช่นกัน กินทุกตัว ใครไม่กินอะไร ยื่นให้ ไม่มีกาีรลีลา
แฮมส์ป่วย หรือ แฮมส์ต้องการบำรุง ใช้หนอนแวกซ์ให้กิน จะบำรุงได้อย่างดี เพราะอาหารของหนอนคือน้ำผึ้ง และโปรตีนจากรำข้าว หนอนกิน หนูกินหนอนอีกทอดหนึ่ง ได้รับอานิสงฆ์ สืบต่อ


 กลัวเห็นไม่ชัด ใครกลัวหนอน ดีใจด้วยนะครับ 5555


เต้าหู้ขาว Plain Tofu เต้าหู้ไข่ ชิ้นเล็ก 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

อันสุดท้าย ตุรกี  ไก่งวง ออกเสียงให้ถูก คือ เท้อกีร เรียกยากไปนะ อันนี้เลิกคุย คนยังหากินไม่ได้ หนูนั่งดูรูปไปแทนละกันนะครับ




มาถึงรายชื่อกลุ่มสุดท้ายคือ ขนมคนกิน

"ให้กินได้ แต่ต้องเลือกให้ดี" คือให้กินอย่างระมัดระวังเช็คส่วนผสมให้แน่ใจก่อนหย่อนนะ

ถ้ามันมีส่วนผสมที่แฮมไม่ควรกินก็อย่าให้เขากิน เลี่ยงเสียดีกว่าครับ






















อาหารเด็กเบบี้ แบบไม่มีสารปรุงแต่ง ให้กินได้ขนาดหนึ่งช้อนชา 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ ยี่ห้อสุดฮิตติดลมบนแต่แฮมส์บางตัวจะกินบ้างไม่กินบ้าง แต่เอาไว้ใส่หลอดฉีดยาเล็ก ป้อนบุตรแฮมและแม่ได้คือ ไฮน์รสฟักทอง ตัวนี้มีขายในห้างบางสาขา ข้อเสียคือเปิดแล้วต้องกินให้หมด ภายใน 1 สัปดาห์














อั่กๆๆๆๆๆๆๆสาธิตการรับทานไฮน์รสฟักทองผสมข้าวโพดหวาน










ข้าวกล้องหุงสุก 1ช้อนชา อาทิตย์ละครั้ง

ซีเรียลแบบน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาล 2-3 แผ่น อาทิตย์ละครั้ง

ชีส แบบธรรมชาติ หรือไขมันต่ำ อันนี้คือชีสคนนะครับ ให้ได้ไม่ถี่เหมือนชีสเม็ดชีสบอล สำหรับหนู อันนี้ให้ได้น้อยกว่า คือชิ้นเล็ก 1-2 ครั้งต่อเดือน

ชีสสด Cottage cheese อันนี้หน้าตาประมาณชีสสีขาว เนื้อเหมือนครีมเหนียวก้อนนิ่มๆ เหมือนโยเกิร์ตที่เอามาตีจนแน่น หายากกว่าแต่กินได้ง่ายกว่า 1 ช้อนชา ต่อสัปดาห์

พาสต้า แบบธัญพืช Whole grain, หรือ ผสมผักขม Spinach คล้ายๆ มักกะโรนี ต้มสุก ให้ 1 ชิ้น ต่อสัปดาห์เช่นกัน

ข้าวโพดคั่ว ไม่เอาจากโรงหนังมาให้กิน เพราะมันมีเนยและเกลือ ให้กินได้น้อยหน่อย 1-2 ชิ้น ต่อเดือน

ขนมปังปิ้ง ชิ้นเล็กๆ 1-2 ชิ้นต่ือเดือน

จมูกข้าวสาลี Wheat germ 1 ช้อนชาต่อสัปดาห์

โยเกิร์ต แบบธรรมชาติ ไขมันต่ำ ป้อนไปเลย 1 ช้อนชาต่อสัปดาห์




ตอนหน้าจะเขียนเรื่อง เกี่ยวกับถั่วกันครับ มันมีภัยซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่ อย่าได้ชะล่าใจ

ขอให้สนุกกับการดูแลบุตรหลานกันทุกคนนะครับ








วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พี่คะหนูกินซิซเลอร์ได้มั้ยคะ? ตอน 2 ว่าด้วยผักเมล็ดพืชและถั่ว/ Hamster Fact for Food and Nutritions Pt.2 -Vegetable, Seeds and Nuts

จากตอนที่แล้วเราได้พูดถึงเรื่องของข้อจำกัดและโรคประจำตัวของแฮม์เตอร์แคระวินเทอร์ไวท์และแคมบ์เบลล์กัน กล่าวคือเงื่อนไขของการเป็นโรคเบาหวาน นั้นทำให้ชนิดของอาหารที่แฮมส์เตอร์ทั้งสองชนิดสามารถกินได้นั้น ค่อนข้างจะต้องเข้มงวดในการเลือกเป็นพิเศษ

ในเว็บไซท์ http://hamsterhideout.com/forum/index.php?/forum/16-food-nutrition/
ได้สาธยายเรื่องของอาหารที่กินได้หรือกินไม่ได้ เอาไว้อย่างละเอียดยิบ

ผู้เขียนถือโอกาสขอใช้ตารางต้นฉบับมาประกอบบทความในครั้งนี้ด้วย
เนื่องจากได้ทำการแยกหมวดหมู่เอาไว้ชัดเจน สามารถกลับมาเปิดดูได้อีกกรณีไม่แน่ใจ

และอย่างที่ได้เกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว ตารางและชนิดของอาหารที่นำมาแปลและลงเป็นข้อมูลในบทความนี้ อ้างอิงเช่นเดียวกันกับต้นฉบับจากเว็บไซท์ ซึ่งมีหมายเหตุเอาไว้ในเรื่องของข้อมูลอาหารทั้งหมด ถึงจะถูกระบุว่าเป็นอาหารที่ปลอดภัยและดีที่สุด แต่ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมด้วยตนเอง และไม่มีอะไรสามารถยืนยันการันตีคืนเงิน ได้ว่า กินอะไรในเมนูนี้แล้วจะสมบูรณ์ 100% ดังนั้น ขอให้ผู้อ่านทุกท่านเลือกใช้ข้อมูลนี้เป็นไอเดียสำหรับการตัดสินใจเท่านั้นครับ

Any food you give to your hamster is at your own risk.
  
ตารางรายการอาหารด้านล่างนี้ ทำขึ้นโดยเว็บไซท์ 
 
http://hamsterhideout.com
  • ตารางช่องด้านซ้ายแสดงชนิดของอาหาร 
  • ตารางช่องกลางสายพันธุ์ที่กินได้หรือไม่ได้ Yes / No  ซีเรียนคือไจแอนท์ โรโบ้รอฟสกี้ วินเทอร์ไวท์หรือนอม่อลหรือแฮมเตอร์แคระ  แคมบ์เบลล์คนดุ และสุดท้ายไชนีส หนูหน้ายาวที่บ้านเราไม่ปรากฎว่ามีการเลี้ยงแฮมส์ชนิดนี้
  • ตารางช่องขวาบอกปริมาณและความถี่ที่เหมาะสมในการให้อาหารชนิดนั้น ๆ
รายการผักสด 
ปริมาณที่เหมาะสมกับการให้  คือ 2 nickel-size pieces  ความถี่คือ Every other day หมายความว่า
 ควรให้กินชิ้นขนาดเท่า "เหรียญห้าสิบสตางค์ 2 ชิ้น" ให้แบบ "วันเว้นวัน"

ตัวอย่างการอ่าน เราสามารถให้แครอท กับไจแอ้นทและโรโบ้กินได้ (Yes) แต่ให้ นอม่อล แคมเบลล์ กินไม่ได้ (No) ความถี่ในการให้แครอทเขากินคือ สองชิ้นเหรียญห้าสิบสตางค์ แบบวันเว้นวัน 


จากตารางด้านบน จะเห็นข้อมูลชวนตะลึงอยู่หลายรายการ ก็คือผักบางอย่างที่เราคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่พบว่า แฮมส์เตอร์ และ แคมเบลล์ กลับไม่สามารถกินได้ อย่างเช่น แครอท (Carrots)ข้าวโพด (Corn) ถั่วลันเตา (Pea)  ประเด็นคือเรื่องของ ปริมาณ% ของน้ำ ระดับความหวาน ปริมาณยาง และส่วนประกอบที่แฮมส์เตอร์ย่อยไม่ได้หรือเป็นพิษต่อระบบการทำงานในร่างกายของเขา ทำให้นำมาใช้เป็นอาหารไม่ได้ครับ


รายการเมล็ดพืชและถั่ว

มีวิธีการให้ที่ละเอียดขึ้นมาอีกนิดหนึ่งเนื่องจาก เป็นอาหารหลักที่ให้กินทุกวัน แต่ควรเข้าใจถึงปริมาณที่เหมาะสมเพราะเมล็ดพืชและถั่วแต่ละชนิดมี ปริมาณการให้กินไม่เท่ากัน




ในแถวแรกที่มีเครื่องหมายดอกจัน (*)-Asterisk หนึ่งครั้ง คือสามารถให้เป็นอาหารแบบแห้ง (อาหารเปียกหรืออาหารสดคือพวกผักหรือผลไม้ครับ) และสามารถให้เป็นอาหารหลัก หมายถึงให้กินได้ทุกวัน
Portion of daily diet  ปริมาณที่เหมาะสมในการให้คือ ครึ่งช้อนชา 1/2 teaspoon
รวมกันทั้งหมดครึ่งช้อนนะครับไม่ใช่อย่างละครึ่งช้อน

ในตารางช่องแรก
  • ข้าวบาร์เล่ย (Barley)

  • ข้าวบัควีด (Buckwheat groat) 










  • เมล็ดหญ้าคานารี่ ไม่แน่ใจชื่อภาษาไทย (Canary Grass seed)

 


  • มิลเล็ทหรือ มิลเล็ทสเปรย์  (Millet)








  • เมล็ดไมโล (Milo)








  • ข้าวโอ้ต  (Oat Groats)






  • คีนัว ( Quinoa)







  • ข้าวไรน์ (Rye Berries)







  •  เมล็ดสเปลท์ ตระกูลข้าวสาลี (Spelt)








  •  ข้าวสาลี (Wheat Berries)









ในตารางช่องที่สอง 

เครื่องหมายดอกจันสองครั้ง (**) หมายถึง สามารถให้เมล็ดกลุ่มนี้ได้ทุกวันในปริมาณที่ระบุในช่องด้านขวา นอกเหนือจาก เมล็ดพืชในเครื่องหมายดอกจันหนึ่งครั้ง

ตัวอย่างคือ สามารถให้เมล็ดพืชช่องตารางแรกครึ่งช้อนชา ผสมกับ เมล็ดพืชในช่องตารางที่สองรวมกัน เช่น  ให้เมล็ดในช่องแรกครึ่งช้อน ผสมกับ เมล็ดลินิน 7 / เมล็ดดอกคำฝอย 1 / งา 7 / ทานตะวัน 2 ให้รวมกันได้ในหนึ่งมื้อครับ
  • เมล็ดลินิน (Flax seeds)




  •  เมล็ดดอกคำฝอย (Safflower seeds)









 
  • งา (Sesame seeds)









 
  •  เมล็ดทานตะวัน (Sunflower seeds)









ในตารางช่องที่สาม

รายการตระกูลถั่วต่าง ๆ จะเห็นว่าให้กินได้ แต่ให้มากไม่ได้ ตัวอย่าง อัลม่อนต์ ให้ได้โดยเฉลี่ยแค่เดือนละหนึ่งเมล็ด และต้องเป็นแบบลอกเปลือกออกแล้วเท่านั้น
  • เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew)
  • เมล็ดถั่วบราซิล (Brazil nuts) ในบ้านเราส่วนใหญ่ปลูกเป็นไม้คลุมดินในสนามครับ
  • เมล็ดถั่วเฮเซล (Hazel nuts) หรือเกาลัด 
  • เมล็ดถั่วลิสง (Peanuts) 
  • เมล็ดถั่วพีแคน (Pecan nuts)










  • เมล็ดถั่วพิชตาชิโอ้ (Pistachios)







  • เมล็ดฟักทอง (Pumpkin seeds)
  • เมล็ดถั่วเหลือง (Soybeans)
  • เมล็ดน้ำเต้า (Squash seeds) หน้าตาละม้ายเมล็ดฟักทองมากตระกูลฟักเหมือนกัน
  • เมล็ดวอลนัท หรือมันฮ่อ หรือถั่วเปลือกแข็ง (Walnut)

แล้วมาต่อกันตอนที่สามนะครับ ในส่วนของอาหารคนที่นำมาเลี้ยงแฮมส์และอาหารที่ให้กินได้แต่ต้องระวังอย่างมาก

Source: http://hamsterhideout.com/forum/topic/74051-safe-and-unsafe-foods-for-hamsters/

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พี่คะหนูกินซิซเลอร์ได้มั้ยคะ? ตอน 1/ Hamster Fact for Food and Nutritions Pt.1

หลังจากนั่งเพ่งจิตอ่านเรื่องของอาหารสำหรับบุตรหลานแฮมส์เตอร์มาระยะหนึ่ง
ทำให้ทราบได้ว่า มันเป็นเรื่องโลกแตกที่ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันขึ้นอย่างกว้างขวาง

ทั้งไทยและเทศ เรียกได้ว่า ใส่กันมันส์ อัดกันยับ

เรียกประเด็นดราม่าให้ได้รับชมกันไม่เว้นแต่ละวัน
งัดง้างกันตามศรัทธา ความเชื่อ และระดับความใส่ใจ ของตัวผู้เลี้ยงเอง

คนเถียงกัน หนูฟังไม่รู้เรื่อง









ด้วยความที่ หนูแฮมส์เตอร์นั้น อย่างที่เคยเล่าไว้ในตอนก่อน คือเขาสามารถกินได้ทั้งพืชและสัตว์ลักษณะเดียวกันกับสัตว์ใกล้ตัวเรานี่ล่ะครับ คือ " the หมา" เพื่อนตูบที่แทบจะเรียกว่า คนกินอะไรได้เขาก็กินได้เช่นกัน

แต่.....

ด้วยความเข้าใจที่แตกต่างกัน แนวทางการเลี้ยง รวมถึงการศึกษาโดยตัวผู้เลี้ยงเองนั้น
ยังจำกัดอยู่มากอันนี้ต้องยอมรับก่อนนะครับว่า ถึงเลี้ยงมานาน แต่หลายท่าน
ก็อาจจะยังมีความเชื่อ(ตัวผู้เขียนเองก็เคยมีครับ) หรือวิธีการเลี้ยงที่ยังต้องปรับกันอยู่  ผู้เขียนเอง ก็อาศัยการอ่านและ อ่าน และ อ่านอ่านอ่าน เพืื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล

ผิดแล้วแก้ไขให้ถูกต้อง !


ความรักและต้องการที่จะดูแล ทำความเข้าใจชีวิตของเขาให้ลึงซึ้ง ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงแฟชั่นอายุสั้น
ที่พอเบื่อก็ทิ้งหรือแจก หรือการเลี้ยงแบบจับคู่โดยไม่ได้เตรียมการเรื่องของการเพิ่มจำนวน
ซึ่งเป็นประเด็นสำหรับคนเลี้ยงในบ้านเรา


อายุขัยของหนูแฮมส์เตอร์ในที่เลี้ยงนั้น ปัจจุบันพบว่า อายุสั้นลงมาก ดูได้จากอายุโดยเฉลี่ยของหนูที่พบว่าหลายๆตัว มักจะจากไปแฮมแลนด์ก่อนวัยอันควร น่าจะอยู่ได้เกิน 2 ปี
ก็กลายเป็นปีกว่าๆก็มาจากกันไปซะแล้ว


ปัจจัยจากความเชื่อและการเลี้ยงที่ไม่ถูกต้องนั้น ส่งผลลบโดยตรงกับอายุขัยของบุตรหลานของเราโดยตรง

วันนี้ขอว่ากันด้วยเรื่องของสิ่งสำคัญพื้นฐานในชีวิตอันดับแรกของพวกเขากัน

อาหารสำหรับแฮมส์เตอร์
 













 

 ต้องขอบอกว่า ข้อมูลที่นำมาเขียนลงในบล้อกเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นประเด็นให้เกิดการแสดงความคิดเ็ห็นที่หลากหลายตามมา ซึ่งขอชี้แจงไว้เสียแต่แรกเริ่มเลยว่า ข้อมูลนี้ได้มาจากการเลี้ยงเองจริง กับหนูแฮมส์เตอร์หลายสายพันธุ์ รวมไปถึงเจอร์บิล ประกอบกันกับแหล่งความรู้จากเว็บไซท์ที่เป็นฐานข้อมูลของต่างประเทศหลายๆ เว็บไซท์ ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

แต่

อย่างไรก็ตาม บทความฉบับนี้เป็นการนำเอาข้อมูลและประสบการณ์เลี้ยงมาถ่ายทอดเป็นแนวทางเพียงเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถตอบได้ 100% ว่าอาหารชนิดนี้ หรือ แบบไหน ที่ดีที่สุด กินแล้วมีประโยชน์หรือบางอย่างแนะนำแล้วให้เขากิน แต่อาจจะพบปัญหาตามมา  ก็เป็นไปได้

ตรงนี้ขอให้ผู้เลี้ยงที่เข้ามาอ่านทุกท่านเข้าใจและนำข้อมูลที่นำเสนอตรงนี้ไปเลือกปรับใช้กันตามความเหมาะสมของแต่ละท่านกันนะครับ

Any food you give to your hamster is at your own risk.

บทนำ

Daily Diet Hamster food
คุณสมบัติหลักของอาหารสำหรับแฮมส์เตอร์ทุกสายพันธุ์ แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดตาม % ของปริมาณสารอาหารที่ควรได้รับในแต่ละวัน  ยกตัวอย่างก็คือฉลากบอกคุณค่าทางอาหารเขียนระบุอยู่บนห่อขนมหรืออาหารต่าง ๆ  ซึ่งของบรรดาโรเดนท์ นั้นมีดังนี้คือ
  1. โปรตีน 17-22%
  2. ไฟเบอร์ 8-10%
  3. ไขมัน 4-6%
ความสำคัญของสารอาหารที่ควรได้รับก็ลดหลั่นกัน จะเห็นได้ว่าเขาต้องการโปรตีนและไฟเบอร์คือพวกกากใยอาหารเป็นสำคัญและที่ควรมีในปริมาณที่ไม่มากเกินไปก็คือ ระดับของไขมันซึ่งจำเป็นน้อยที่สุด

ยกตัวอย่างง่ายให้เห็นภาพ ขนมมันฝรั่งทอด อร่อยมาก กินไม่เบื่อกินได้หลายๆห่อเลยตามปาก ผลที่ตามมาหลังจากอร่อยก็คือ ปริมาณไขมันส่วนเกิน ซึ่งทำให้อ้วน









เช่นเดียวกัน เมล็ดทานตะวันซึ่งเป็นท้อปอาหารโปรดของโรเดนท์แทบทุกชนิด มีส่วนประกอบที่เป็นไขมันอยู่มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของปริมาณสารอาหาทั้งหมด กล่าวคือ แฮมส์เตอร์กินทานตะวัน หนึ่งเมล็ดจะมีไขมันครึ่งหนึ่ง(สาเหตุของความอร่อย) ที่เหลือคือ สารอาหาร วิตามินอื่นๆ
 
ขอนำตัวอย่างสารอาหารของเมล็ดทานตะวันอบแห้ง(อาหารคน) ให้ดูปริมาณ Total Fat นะครับ สูงมาก

ย้อนกลับไปดูถึงปริมาณอาหารสามชนิดที่แฮมส์เตอร์ต้องการในแต่ละวัน จะเห็นได้ว่า เมล็ดทานตะวันอร่อยแฮมส์เตอร์ชอบกิน นั้นสวนทางกับปริมาณสารอาหารที่เขาต้องได้รับในแต่ละวันชัดเจน

เพราะฉะนั้นแฮมส์เตอร์จำเป็นต้องกินอาหารให้หลากหลายครบถ้วนกล่าวคือเราจะให้เขากินอะไร ก็ตามแต่ ขอให้คิดถึงปริมาณความต้องการสารอาหารของเขาด้วยครับ

กิืนอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งมากไป ซ้ำๆ นั้นเสี่ยงต่อโรค ไม่ต่างไปจากโรคในคนเลี้ยงแต่อย่างใด

ควรให้อาหารหลายๆ ประเภททั้งอาหารผสมแบบมียี่ห้อ(Verselle-Laga, Kaytee, etc.) เมล็ดพืชสารพัด หรือจะเป็นอาหารเสริม ต่างๆ เช่นไข่ผง โดยการนำมาผสมหรือใ้ห้สลับกันไปในแต่ละมื้อ

ก็จะเป็นอาหารที่มีทั้งความอร่อยและคุณค่าที่คุณคู่ควร


ข้อควรระวังสำคัญ

Winter White Dwarf Hamster (WW)หรือ วินเทอร์ไวท / Campbells Russian Dwarf (CB)หรือ แคมเบลล์  

จะต้องพึงระวังเป็นอย่างมากในเรื่องของอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล เพราะว่า
พวกเขาเป็นสายพันธุ์ที่มีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว (Diabetic Prone) ลักษณะเดียวกันกับในคน

แต่จะไม่พบโรคนี้ใน Syrian(SR) หรือไจแอ้นท์/ Roborovski(RB) หรือ โรโบ้/ Gerbil(GB) หรือเจอร์บิล

กล่าวคือ

อาหารบางชนิดให้ SR RB GB กินได้ แต่ให้ WW CB กินไม่ได้

ด้วยเหตุผลคือเรื่องของน้ำตาลเป็นประเด็นหลัก

และยังมีเรื่องของข้อจำกัดสำหรับอาหารของแต่ละสายพันธุ์ที่แตกต่างกันอยู่ในรายละเอียดอีก

ซึ่งจะมาเขียนเอาไว้อีกในตอนถัดไปพร้อมกับแนะนำเรื่องอาหารที่ควรให้ไม่ควรให้ครับ



Source : http://nutritiondata.self.com/facts/nut-and-seed-products/3167/2
           : http://hamsterhideout.com/forum/index.php?/topic/71864-master-food-list/
           : http://hamsterhideout.com/forum/index.php?/topic/74051-safe-and-unsafe-foods-for-hamsters/





วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ไข่ผง..ทำเองก็ได้ง่ายจั๊งงงง Home Made Egg Food

หลังจากบรรยาย สรรพคุณ และพาไปรู้จักกับที่มาของไข่ผงกันแล้ว
พบว่ามันเป็นของที่ไม่ได้ไกลตัว มีประโยชน์สูง เหมาะกับแม่และบุตรที่ต้องการการบำรุง
ที่สำคัญคือมันทำเองได้ด้วย  อ่ะ!  เจ๋งขนาดนี้ทำกินเองได้ด้วยรึ ?

ถ้าเขารักแล้ว อุปกรณ์มีพร้อม หลายคนคงอยากลองทำให้บุตรหลานกินเอง
นอกจากจะสนุกแล้ว คือมันกำหนดได้ว่าจะใส่อะไรบ้าง ลูกรักเราก็ได้รับสารอาหารที่ดี เต็มแก้ม
แน่นอนครับ วันนี้ ขอสิงร่าง อาจาร์ยยิ่งศักดิ์ มาแนะนำเมนูไข่ผงให้ได้ทำกัน
อันไหนกินได้ก็กิน อันไหนกินไม่ได้ก็เขี่ยทิ้งไป
 
 ก่อนอื่นมาดูส่วนผสมกันก่อน 
  1. ไข่ต้ม 1 ฟอง- ไข่อะไรก็ได้ ไข่ไ่ก่ ไข่เป็ด ไข่นกกระทาก็ใช้เยอะหน่อย กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ทิ้งไป
  2. ขนมปัง 1 แผ่น สำหรับทำขนมปังป่น หรือจะใช้แบบสำเร็จก็ได้ง่ายกว่าเยอะ ผู้เขียนใช้ขนมปังโฮลวีท  แผ่นไปวางผึ่งลมให้แข็งแล้วเอาไปอบไฟอ่อน 20 นาที ทิ้งไว้หนึ่งคืน แล้วจึงนำมาขูดเป็นผง
  3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะจากIKEA   
 ใช้ของตามนี้จะทำออกมาได้หนึ่งกระปุกเล็กพอดี ใช้เวลาทำประมาณ 1-2 ชั่วโมง


อุปกรณ์ที่ใช้
  1. ครกหรือที่บด
  2. เตาอบ
  3. ส้อมและชามผสม

ครบแล้วก็มาลงมือกัน
 
  • ต้มไข่ที่เตรียมเอาไว้ ต้มนานหน่อยให้ไข่แดงแข็ง








  • ปอกเปลือกไข่ แล้วนำเปลือกไปเข้าเตาอบไฟอ่อน ประมาณ 25 นาที เพื่อให้เปลือกไข่แห้งจนกรอบ แล้วนำเปลือกไข่ไปบดหรือตำให้ละเอียด



















  • เอาขนมปังที่อบไว้จนแห้งแข็งมาขูดให้เป็นผง ที่ต้องใส่ขนมปังก็เพื่อให้ส่วนผสมจับตัวกันได้ง่าย









  • นำไขต้มไปบี้ในชามผสมด้วยส้อม ออกแรงกด อี้สอี้ส บี้ไปแช้ทไป จนไข่กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ 














  • นำ เปลือกไข่บด ขนมปังป่น เทรวมในชาม ใส่น้ำผึ้งลงไปแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน





















  • เกลี่ยไส่ถาดแล้วนำไปอบไฟอ่อนต่ออีก 25 นาที คอยเกลี่ยระวังไหม้ จับดูถ้าส่วนผสมเริ่มแห้งเป็นอันใช้ได้ นำออกผึ่งลมสักพักหนึ่ง แล้วจึงเทใส่กระปุกเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา ไว้ได้ประมาณ 5-7 วัน 









เสร็จแล้้ว!!!

สามารถเติมเมล็ดพืชบด เช่น งา มิลเล็ท หรือ นมแพะอัดเม็ดเสริมเข้าไปได้เพื่อความอร่อยเหาะยิ่งขึ้น เท่านี้ก็จะมีขนมอร่อยๆ แสนปลื้มใจที่ทำเองให้บุตรได้รับทานกันถ้วนหน้าแล้วครับ











หลังจากลองทำดูแล้วนำไปแจกจ่ายสมุนแฮมส์และเจอร์บิล ปรากฎว่ากินเรียบ แหม่ แสดงว่าอร่อย(หรือหิว?) แน่นอน ลองทำดูนะครับสนุกดี


ที่มา สูตรทำไข่ผง
http://www.cockatiels.org/main/articles/breeding-cockatiels/cockatiel-breeding-basics/egg-food-made-easy/








วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทำไปได้ยังไง? นั่นมันลูกของเธอนะวิศนี Canibalism Hamster

หลังตัดกลับจากโฆษณา


เพลงประกอบตื่นเต้นแลดูลึกลับ เบลอภาพเทียนสั่นไหว ฉากหลังเป็นกระบะเพาะที่พำนักของแฮมส์เตอร์สาวสะพรั่ง Winter White สีโกลเด้นตาดำ วิศนี  ทายาทของ อำนวย แฮมส์เตอร์ลายจุดเจ้าของธุรกิจอาหารแมว
 













บรรยากาศหม่นมัว  ดูไม่เป็นมิตร วิศนี นั่งจุมปุ้ก มือขนของเธอลูบท้องป้อย ย้ิอนรำลึกถึงอดีตคืนวัน
อันแสนขมขื่นที่เธอไม่อาจลืมมันได้เลย เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน



ในคืนบรรยากาศมาคุ ฝนพรำในหน้าร้อน เสียงฟ้าร้องในคืนนั้น มันทำให้เธอไม่อาจจะลืม
วันที่เธอตกเป็นของ อารุม ชายหนุ่มสีนอม่อล ลูกน้องในบริษัทอาหารแมวของพ่อของเธอ


เจ็บเหลือเกิน เธอร้องครวญเสียงแหลม
ดูเหมือนว่าจอลลี่แบร์น้อยๆ ในท้องนั้นทนรอที่จะสูดอากาศบนโลกมนุษย์นี้ไม่ไหว
จึงเริ่มตะกุยตะกาย

ในท้องที่อุ้มชีวิตเหล่านั้นเอาไว้ เธอไำม่พร้อมเลย วิศนีหลั่งน้ำตา เธอกังวลเหลือเกิน
ความเครียดถาโถมรุมล้อม  จากสารพันปัญหา ที่เธอไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้

ได้แต่เพียงเก็บมันเอาไว้.......จนสายเกินไป

เสียงฟ้าร้องดังครืนรอบทิศ  รอบตัวเธอนั้น ทุกอย่าง บีบคั้นเธอจนสุดจะบรรยาย

ไม่ไหว สุดที่จะต้าน

วิศนีกลั้นใจเบ่งเอา บุตรตาบอดตัวแดง ของเธอออกมา ทีละตัว 1 2 ....3

ระยะเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจ เธอแทบหมดแรงกำัลัง แต่ยังไม่พอ

ยังมีหัวใจดวงเล็ก รอที่จะออกมาชมโลกต่อจากพี่ๆ

4....5...และสุดท้าย
เหมือนปลดเปลื้องทุกอย่าง... บุตรสีแดงสดไร้ขนตาปูดปิด ตัวที่ 6
เธอถอนหายใจยาว อย่างเจ็บปวด และ หลับไปด้วยความอ่อนแรง
...................................
.....................
........

ภาพตัดมาที่ อำนวยและลูกชายของเขา ที่กำลังครุ่นคริดและปั่นจักรอย่างเมามัน

"พ่อ" อารุมหันมาเรียก "วิศนีเขาจะไหวหรือเปล่า" ลมหายใจของอารุมถี่ขึ้นตามความเร็วของจักร

แกร่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   "อยู่ที่บุญแล้วล่ะ" พ่อส่ายหน้าหนวดกระดิก พลางถอนหายใจ

"ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะไปดูวิศนี ที่บ้านเย็น" อารุมคำรามโฮกและกระโดดผลอยข้ามหัวผู้พ่อ วิ่งดุ้กดิ้กตรงไปที่บ้านเย็น ที่วิศนีกำลังกกลูกน้อยอยู่  สุดทานที่อำนวยร้องจี้ดห้ามได้ทัน

.........................แคว่ก เศษไฮด์แอ่นด์ซีกที่นำมาทำทางเข้ากระจุยกระจายตามแรงขบของอารุม สภาพในบ้านเย็นมืดสนิท มองไม่เห็นแม้แต่เล็บเท้า

"คุณอยู่ไหน วิศนี "

"............"

"วิศสะนี้ยยยยยยยยยยยยยยยจี้ด!"

"..........กุ่กกั่กๆ"

"นั่นคุณหรือเปล่า วิศนี? ตอบผมสิ"

 ไร้การตอบสนอง.........
 
".....จั่บจั้บ ง่ำ ง่ำ"

!!! เสียงอะไรนั่น

หลอดนีออนบนเพดานเหนือกล่องเพาะสว่างวาบ  อารุมแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
ขนกลางหลังสีน้ำตาลเข้มของเขาชันลุกซุ่

คุณพระ!! วิศนีนั่นคุณกำลังทำอะไร  โอ้ว ไม่นะ  ม๊ายยยยยยย   อารุมตกใจจนออกสาว

ภาพที่เขาเห็นมันช่างสยดสยองและผวาจนจับขั้ว

วิศนี มือชุ่มไปด้วยเลือด ในมือของเธอถือเอาร่างไร้วิญญาณของจอลลี่แบร์น้อย

กัดกร้วม เลือดสดๆแดงฉานไปทั่วเบดดิ้ง เสียงขบจั่บจั้บ อย่างเลือดเย็น

เธอเคี้ยวกินลูกน้อยของตัวเอง ทีละตัว ทีละตัว

อารุม ที่ตกตะลึงก็ไม่รอช้า คว้าตัวที่ยังเหลือกัดขาดสองท่อน เลือดสะบัดเปรอะผนังกล่องเพาะทั่วบริเวณ
 
จนในที่สุด .......... หลังฝนซา...

ไม่มีจอลลี่แบร์แดงดุกดิก ในกล่องเพาะนั้นอีก

ทิ้งไว้ก็แต่คำถามให้ผู้ชม ได้ขบคิด

ทำไม  วิศนี กับอารุม ถึงกินลูกตัวเองล่ะ?  โหดร้ายยยยยยยยย

ภาพเฟดมืด......







ละครจบแล้ว มารับชมข้อมูลกันดีกว่า

ก่อนจะไปถึงคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมแฮมส์เตอร์ ถึงกินลูกของตัวเอง

เรามาพูดกันเรื่องพฤติกรรมของการกินของแฮมส์เตอร์กันก่อน
สังเกตไหมครับว่า แฮมส์เตอร์นั้น กินอาหารได้ค่อนข้างสารพัน วาไรตี้ ให้อะไรก็กิน

จนมันกลายเป็นความเชื่อว่ากินอะไรก็ไ้ด้ เพราะสาเหตุข้างต้น ซึ่งผิดนะครับ มีหลายอย่างให้แฮมส์เตอร์กินไม่ได้นะครับ (ขอแยกเขียนในเรื่องอาหารโดยเฉพาะเพราะยาวมาก)

ในธรรมชาติ การช้อปปิ้งหาอาหารของเขานั้น มีเวลาจำกัด คือเฉพาะช่วงเวลากลางคืน
ทำให้ไม่ค่อยมีตัวเลือกให้มากนัก เจออะไรกินได้ก็กินหมด แมลง หนอน พืช สัตว์เล็กกว่า
เรียกพฤติกรรมการกินแบบนี้ว่า Omnivorous คือกินได้หมดทั้งพืชและสัตว์(กินพืช+เนื้อ)

และด้วยลำดับของห่วงโซ่ ที่เป็น ผู้ถูกล่า หรือ Crepuscular ซึ่งจะแปรสภาพเป็นอาหารน่ารัก
สำหรับนักล่าหลายชนิด ถ้าไม่ระวังตัว
ทำให้นิสัยของเขา เพื่อการเอาตัวรอดที่ติดตัวมา ก็คือ การระแวดระวัง หรือขี้ตกใจมาก


พฤติกรรมการกินลูกหรือกินพวกเดียวกันเอง หรือ Cannibalism  

นั่นคือนิสัยการระวังภัยอย่างนึงที่เกิดขึ้น ในระหว่างที่คลอดบุตร ซึ่งมีหลายสาเหตุประกอบกัน

จนทำให้ตัวแฮมส์เตอร์รู้สึก อันตราย ไม่ปลอดภัย หวาดกลัวต่อสิ่งเร้ารอบตัว ก็จะทำการกำจัด(กิน)ลูกของตัวเองเพื่อความปลอดภัย

รักษาตัวเอง อยู่ต่อเอาชีวิตรอดเพื่อจะได้คลอดใหม่ในอีก ไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า......


ขอแยกส่วนถึงสาเหตุของการกินลูกในที่เลี้ยงออกเป็นข้อ ๆ ซึ่งแต่ละปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้ตัวเขาเกิดความเครียดสะสม จนแสดงออกมาด้วยการไม่เลี้ยงลูก หรือกินลูกของตัวเองตามมา



- สถานที่เลี้ยง  จุดวางกรง อยู่ในจุดที่มีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ตลอดหรือไม่ (ทางเดิน)  คน หมา แมว สัตว์เลี้ยง อื่น ๆ  แฮมส์เตอร์ เป็นสัตว์ที่สายตาแย่มาก(สายตาสั้น และมองเห็นแค่สีขาวดำแบบหมา) สิ่งเคลื่อนไหวไปมาขนาดใหญ่กว่าเขา ในธรรมชาติ คือสัตว์นักล่าและมาเพื่อหาอาหาร นั่นจึงทำให้เครียดเพราะหวาดกลัวครับ





-สภาพอากาศ สภาพแวดล้อม อุณหภูมิ ร้อนมาก หรือ หนาวมากเกินไป ก็กระตุ้นให้เกิดความเครียดได้เช่นเดียวกัน กรณีนี้ แม่อาจจะพลอยไปแฮมส์แลนด์พ่วงไปด้วย







-อาหาร การเลี้ยงดูแลบุตรจำนวนมาก ต้องใช้พลังงานจากแม่แฮมส์ในปริมาณมหาศาลตามมาด้วยเ่ช่นกัน ถ้าปริมาณไม่เพียงพอ หรือสารอาหารที่ได้รับไม่สมดุลกับการสร้างน้ำนม ก็จะทำการลดจำนวนลูกให้พอดีกับที่ตัวแม่แฮมเองจะมีปริมาณน้ำนมพอ โดยเลือกกำจัดตัวที่อ่อนแอหรือตัวเล็กที่สุดก่อน ซึ่งเป็นการคัดสรรตามธรรมชาติ

-ผู้เลี้ยงเอง หนูออกลูกทั้งที มันน่าตื่นเต้น ชีวิตเล็กๆ ดิ้นดุ๊กด้อกแด้ก มันน่ารัก ชะโงกดูแล้วชะโงกอีก เปิดกรงปิดกรง เข้าใจครับว่าเป็นห่วง แต่มันกลายเป็นตรงกันข้ามเลยคือการรบกวนตัวแม่อย่างมาก


-แฮมส์เตอร์ด้วยกันเอง กรณีมีตัวอื่นอยู่ร่วมขณะคลอดลูก จะไม่มีใครในที่เลี้ยงดีใจเลยนะครับ
อย่างที่บอกไว้ แฮมส์เตอร์แคระ และ ซีเรียนไม่ใช่สัตว์สังคม แต่สามารถอยู่ร่วมในที่เลี้ยงได้ กรณีมีตัวน้อยออกมาใหม่  มันคือตัวแย่งอาหารสำหรับตัวที่เหลือ และเช่นกัน การกำจัดลูกเพื่อให้ ตัวเมียเป็นฮีทอีกครั้ง แบบในสิงโต ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้


-ตัวแม่แฮมส์เตอร์  อายุของเขาแก่เกินไป เด็กเกินไปวัยไม่เหมาะสม มีโอกาสไม่เลี้ยงลูกสูงมาก การดูแลก่อน ระหว่างตั้งท้อง และหลังคลอด ระดับความสมบูรณ์ของแม่แฮมส์ มีส่วนอย่างมาก

-ตัวลูกที่คลอดออกมา พิการ หรือไม่สมบูรณ์  แม่แฮมส์จะคัดเลือกเองโดยสัญชาตญาณ ตามธรรมชาติ


Do and Don't and ETC.

- ไม่ไปรบกวนการคลอดและการเลี้ยงดู ดูอยู่ห่างๆ ไม่จำเป็นต้องเขี่ยหรือมีส่วนร่วมจับลูกไปรวมกลุ่ม หาผ้าไปวางปิดกรงให้มืดแต่ระวังการความร้อนด้วย นำกรงไปวางที่เงียบ ไม่มีคนพลุกพล่าน หรือเสียงดัง
 
- ไม่จับหนูที่เพิ่งคลอด เพราะหนูจำหน้าลูกตัวเองไม่ได้แต่จำลักษณะกันเองจากการดมกลิ่น ผิดกลิ่นก็ไม่ใช่บุตรของฉัน อดทนให้ผ่านไปสักสองสัปดาห์ค่อยลองจับดูนะครับ จำเป็นจริงๆ ต้องเคลื่อนย้ายหนูให้ใช้ช้อนตัก

-บำรุงหนูเมื่อรู้ว่าตั้งท้อง ระหว่างท้อง และหลังคลอด เน้นโปรตีนด้วยอาหารเสริมต่างๆ แนะนำบวบเหลี่ยม ครับช่วงนี้อากาศร้อนด้วย เหมาะมาก หรือเสริฟ์ไข่ต้ม เนื้อไก่ต้ม ก็อร่อยและมีประโยชน์เช่นกัน

-กรณีเลี้ยงรวม ให้นำเพื่อนแฮมส์ออกจากกรงทันที เหลือไว้แต่แม่และลูก เท่านั้น เพื่อนไปเฮฮากันที่อื่นก่อน งดปาร์ตี้

-หาวัสดุทำรังใส่เตรียมไว้ให้เขาเยอะหน่อย กรณีทราบว่าท้องล่วงหน้า กรณีไม่มีเบดดิ้ง ก็ทิชชู่ก็ไ้ด้ครับ

-จัดเต็มอาหารและน้ำให้เพียบเข้าไว้ แต่อย่าลืมที่บอกนะครับ เรื่องสารอาหารที่กินเข้าไปก็สำคัญเช่นกัน

-ไม่ทำความสะอาดกรงหรือเปลี่ยนเบดดิ้งหลังคลอด ในระยะหนึ่ง ถ้าเปียกน้ำหรือสกปรกมากให้ตักออกเฉพาะส่วนเท่านั้น โดยเน้นให้รบกวนเขาน้อยที่สุด

-เอาทรายห้องน้ำออกก่อนในช่วงแรกคลอด เนื่องจากเคยพบว่าแฮมส์เตอร์จิ๋วตาบอดทั้งหลายเมื่อเดินมั่วไปลงในทรายแล้ว อาจเกิดเหตุทรายจะจับตัวเป็นก้อนอุดจมูกและปากได้

-ระหว่างท้อง คุณแม่จะมีพฤติกรรมดุขึ้น เพื่อปกป้องบุตรหลาน โดยปกติ อย่าแปลกใจถ้าเจองับติดนิ้ว จากที่ไม่เคยโดนมาก่อน

-บุตรจะเริ่มกินอาหารปกติ หรือ Weaning ได้เองหลังประมาณสามสัปดาห์ โดยให้จับแยกเพศในระยะนี้ ป้องกัน การตั้งท้องก่อนวัยอันควร  ดูเพศก็ ผู้ห่าง เมียชิด
 -ถ้าเป็นซีเรียนไจแอนท์ เมื่ออายุได้สักสองเดือนต้องแยกเลี้ยง ป้องกันสงครามแย่งชิงพื้นที่อยู่อาศัย

วินเทอร์ไวท์

ซีเรียนไจแอนท์
ภาพจาก http://www.hamsterific.com/HamsterUniversity/SexingHamsters.html



Source : My hamster has baby http://exoticpets.about.com/od/hamsters/f/hamsterbabies.htm

: Eating baby prevention http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20090406144343AAR9LnY

: Wikipedia http://en.wikipedia.org/wiki/Hamster